
Windows 10 กำลังจะหมดอายุใช้งาน
เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในวันที่ 15 ตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการปิดฉากระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา
Advertisement
แม้จะมี Windows 11 มาแทน แต่ปัญหาคือฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำที่ Microsoft กำหนดเอาไว้เข้มงวดมาก เช่น ต้องใช้ซีพียูรุ่นใหม่, ต้องมี TPM 2.0, ต้องรองรับ Secure Boot ฯลฯ
ทำให้คอมพิวเตอร์เก่าหลายร้อยล้านเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้ ส่งผลให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่ “หมดอายุ” ทั้งที่ยังใช้งานได้ดี
The Restart Project ส่งเสียงกดดัน Microsoft
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลุ่ม The Restart Project ได้เปิดตัว “End of Windows 10 Toolkit” เครื่องมือที่ช่วยแนะแนวทางให้ชุมชนผู้ซ่อมคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ทั่วไปสามารถรับมือกับการสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 ได้
ล่าสุด กลุ่มนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Neowin เพื่อย้ำจุดยืนเดิม โดย Fiona Dear ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม ระบุว่า
“ในวัน International Repair Day เราเฉลิมฉลองพลังของชุมชนทั่วโลกที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการทำให้อุปกรณ์หมดอายุเร็วเกินไป และขับเคลื่อนการแบ่งปันทักษะเพื่อปกป้องทั้งผู้คนและโลกใบนี้จากแนวทางทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ผลิต แต่กลับเป็นเหมือนเรื่องประชดประชันที่วันยุติการสนับสนุนของ Windows 10 ดันมาตรงกับวัน E-waste Day”
เธอเรียกร้องให้ Microsoft ขยายการสนับสนุน Windows 10 ฟรีต่อไป และผลักดันให้มีการออกกฎหมายห้ามบริษัททำให้อุปกรณ์หมดอายุด้วยซอฟต์แวร์ก่อนเวลาอันควร
Right to Repair Europe เสริมแรงสนับสนุน
Cristina Ganapini ผู้ประสานงานกลุ่ม Right to Repair Europe กล่าวเสริมว่า
“การที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 อาจทำให้คอมพิวเตอร์มากถึง 400 ล้านเครื่องหมดสิทธิ์ใช้งาน ทั้งที่ไม่ได้เสียหาย แต่เพียงเพราะซอฟต์แวร์หมดอายุเท่านั้น ที่ปัญหานี้เกิดขึ้นได้เพราะยังไม่มีข้อบังคับชัดเจน”
เธอย้ำว่าในยุโรป มีกฎหมาย Ecodesign ที่กำลังผลักดันให้โน้ตบุ๊กและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศออกกฎหมายบังคับใช้ เพื่อหยุดวงจร “ผลิตมาให้พังเร็ว”
ความกังวลเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์
การหยุดสนับสนุน Windows 10 อาจสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) จำนวนมหาศาล เพราะคอมพิวเตอร์เก่าที่ไม่สามารถอัปเกรด Windows 11 ได้ อาจถูกทิ้งแม้ฮาร์ดแวร์ยังดีอยู่ การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ซอฟต์แวร์” แต่ยังเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน
บทสรุป
ใครที่ยังใช้ Windows 10 คงต้องตัดสินใจว่าจะซื้อเครื่องใหม่, ลง Linux แทน, หรือพึ่งพา Toolkit จากชุมชนอย่าง The Restart Project ที่พยายามหาทางยืดอายุเครื่องเก่าๆ ให้ใช้งานได้ต่อไป
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ หาก Microsoft ไม่ยืดอายุ Windows 10 จริงๆ โลกอาจต้องเผชิญกับ “ขยะไอที” ระดับมหึมาในเวลาอันใกล้นี้
ที่มา: Neowin